วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ส่วนประกอบเครื่องสำอางมีอะไรบ้าง

สัปดาห์ที่แล้วได้คุยกับเพื่อนบางคน บอกว่าใช้ ผลิตภัณฑ์ตัวนึงแล้วแพ้ มีผื่นขึ้น ซึ่งคนใช้เยอะมาก ไม่คิดว่าจะแพ้ เลือกมาใช้ตามกระแส แล้วเวลาจะเลือกซื้อครีมหรือเซรั่มตัวนึง จะรู้ได้ยังไง ว่าดี หรือไม่ดี มีส่วนผสมอะไร จะมีโอกาสแพ้ไหม ฯลฯ (ยกเว้น brand นี้ดีไหม อันนี้ตอบไม่ได้นะคะ เพราะไม่ชอบเน้น brand คะ)

คำถามทุกอย่างข้างบน ตอบได้ด้วยการอ่านและวิเคราะห์ส่วนประกอบครีมหรือเซรั่มค่ะ (สมมุติว่า ผู้ผลิตเครื่องสำอางค์ดังกล่าว จริงใจกับลูกค้า และบอกข้อมูลตามจริงทั้งหมดนะคะ นั่นเป็นสาเหตุว่า เราควรหลีกเลี่ยง ครีมหมอผีที่ขายกันแบบไม่มีหลักแหล่งค่ะ)

ส่วนประกอบเครื่องสำอางมีอะไรบ้าง 


a.สารออกฤทธิ์ (หรือ active ingredient) อันนี้คือตัวออกฤทธิ์ที่แท้จริงคะ ประมาณว่า ผสมนู่นนี่แทบตาย แต่สุดท้าย ก็เพื่อเอา active เนี่ยแหละมาทาบนผิว และให้ซึมลงผิวได้


b.สารประสานเนื้อครีม (หรือ emulsifier, thickener) ทำหน้าที่ประสานน้ำเข้ากันน้ำมัน (ลองนึกดูง่ายๆว่า เวลาเราเอาน้ำผสมน้ำมัน มันจะไม่เข้ากัน น้ำมันมักจะลอยตัว) สาร emulsifier นี้ ทำหน้าที่ประสานมันเข้ากันให้กลายเป็นเนื้อครีม ส่วน thickener ก็ทำหน้าที่ ทำให้เนื้อครีมหรือเจลหรือเซรั่นข้นขึ้น ให้ใช้ง่าย (ถ้าเหลวแทบจะเป็นน้ำ คนก็จะไม่ชอบ เพราะทายาก) เดี๋ยวจะมาพูดถึง emulsifier ต่อเยอะๆเลยนะคะ เพราะตัวนี้เป็นตัวสำคัญ และเป็นดาบสองคม หากใช้เยอะก็จะกลายเป็น surfactant หรือสารลดแรงตึงผิว ซึ่งใช้ผสมในแชมพู/สบู่ ทำหน้าที่ทำความสะอาดร่างกาย (ลองนึกดูว่าถ้าเอามาใส่ในครีมทาหน้า ทาทิ้งไว้ทั้งวัน จะเกิดอะไรขึ้น) อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า ถ้าสาร active เรามีทั้งที่เป็นเนื้อ water และเนื้อ oil (ยกตัวอย่างเช่น olive oil, co-Q10) จะทำยังไง ถ้าเราไม่ใช่ emulsifier เพราะฉะนั้นขาดไม่ได้เช่นกัน


c.สารสร้าง skin-feel (หรือ emollient) ทำหน้าที่ ปรุงให้เนื้อครีม เนื้อเจล หรือเซรั่ม รู้สึกน่าใช้ ทาแล้วลื่นปรื้ด ซึมเร็ว ตัวอย่างสารเหล่านี้คือ Glycerin, Propylene Glycol, Butylene Glycol ลองดูในขวดครีมที่คุณใช้อยู่นะคะ ถ้าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มักจะต้องมีตัวนี้กันแทบทั้งนั้น เพราะอยากให้ครีมลื้นปรื้ด ใช้แล้วรู้สึกดี แต่ถ้าถามว่า แล้วมีประโยชน์หรือไม่ ไม่มีคะ แล้วถ้าใช้เยอะๆสามารถทำให้ระคายเคืองผิวได้ด้วย เข้าตำราเดิมว่า ยิ่งใส่นู่นใส่นี่เยอะ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการแพ้ของผิว


d.สิ่งปรุงแต่ง เช่น สี หรือน้ำหอม (colorant, perfume) อันนี้ไม่อยากพูดถึงเลยคะ ส่วนตัวรู้สึกว่าปัจจุบัน หมดสมัยแล้ว ที่เครื่องสำอางค์จะมาใส่สีใส่น้ำหอมเยอะๆ (หรือว่าเราแก่ขึ้น) พวกนี้สามารถก่อให้เกิดการแพ้ได้คะ โดยเฉพาะน้ำหอม ซึ่งมักจะต้องมาจากปิโตรเคมี ยกเว้นน้ำมันจากธรรมชาติ พวก essential oils ต่างๆนะคะ ถ้าเป็นเครื่องสำอางค์ธรรมชาติจริงๆ ก็มักจะใช้พวกนี้ แต่มันแพงกว่า petrochemical มาก สรุปแล้วแต่คนเลือกละกันคะ แต่ส่วนตัวชอบเลี่ยงสีหรือน้ำหอมทุกชนิด อยากให้หน้าเต่งตึงเนียนนุ่ม เรื่องหอมๆ หรือสีสวยๆ เอาไว้ท้ายสุด


e.สารกันเสีย (preservative) เป็นสิ่งจำเป็นคะ ถ้าบริษัทไหนผลิตขายแล้วไม่ใส่ตัวนี้ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง (ถ้าเราทำใช้เองก็ว่าไปอย่าง) เมื่อมีน้ำ ก็ต้องมีแบคทีเรีย แล้วถ้าครีมคุณมีแบคทีเรียก่อตัวเป็นก้อนดำๆอยู่ข้างใน ทาผิวเข้าไป ยิ่งอันตรายใหญ่และอันตรายกว่าการใส่สารกันเสียอีก สารกันเสียมีหลายอย่าง มีตั้งแต่สารที่สกัดจากธรรมชาติ ซึ่งแพง และไม่ค่อยกล้าใช้กัน และสารเคมีแบบถูกๆ เช่นพวก parabens ที่บางสถาบันวิจัยแล้วบอกว่าก่อมะเร็งเต้านมได้


ตัวอย่างการวิเคราะห์ส่วนประกอบเครื่องสำอาง 


น้ำ+ Hyaluronic Acid (Hada Labo, Juju Aquamoist)
น้ำ+ Hyaluronic Acid ชนิด Nano molecule เป็นเจล moisturizer ที่มาแรงในช่วง 2011-2014 นี้ เนื่องจากราคาไม่แพง (เพราะต้นทุนก็ถูกมาก) และเหมาะกับผิวของคนเอเชีย คือผิวธรรมดา-มันระหว่างวัน แต่ละแบรนด์ก็สร้างความแตกต่างเล็กน้อย ด้วยการผสมส่วนประกอบเพิ่มเติม(เพื่อให้มีคุณสมบัติต่างๆเยอะขึ้น เช่น whitening) หรือใช้ส่วนผสมที่ลดน้อยลง(เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการแพ้)



ส่วนผสมคือ: 
Water - มีแต่น้ำ แต่ไม่มี oil ในส่วนผสมเลย แสดงว่าเป็น water-based เหมาะกับชาวไทย
Butylene Glycol - ให้เวลาทารู้สึกว่าลื่นผิวดี แต่มีการวิจัยพบว่า บางคนอาจแพ้ได้
Glycerin - เป็น humectant เพื่อช่วยกักเก็บน้ำในผิว และทำให้เวลาทารู้สึกลื่นผิว
PPG-10 Methyl Glucose Ether - skinfeel อีกแล้วค่ะ ให้ทาแล้วรู้สึกลื่นดี
Disodium Succinate - สารตัวนี้มีหลาย function ไม่แน่ใจว่าผู้ผลิตใช้ทำหน้าที่อะไรจริงๆค่ะ
Methlyparaben - วัตถุกันเสียที่ควรหลีกเลี่ยง (USA บอกปลอดภัย แต่ EU บอกว่าไม่ปลอดภัย)
Sodium Hyaluronate, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate - สาร Active!
Hydroxyethylcellulose - สร้างเนื้อเจล ทำให้รู้สึกมันเป็นวุ้นๆนิดๆ แทนที่จะเป็นน้ำเหลว
Succinic Acid - เดาว่าทางผู้ผลิตใช้เป็นตัวปรับความเป็นกรด-ด่าง เพื่อให้เหมาะสม ตัวสารอีกมีหลากหลายfunction



Hada Labo ใช้ส่วนผสมหลายๆตัว ที่ช่วยสร้าง "Skin feel" เช่น Butylene Glycol, Glycerin, PPG-10 ช่วยทำให้รู้สึกลื่น น่าใช้ แต่ข้อเสียคือ ยิ่งเติมสารหลายตัวเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสให้เกิดการแพ้มากขึ้น Butylene Glycol ก็เป็นสารตัวนึงที่มีรายงานว่า คนจำนวนไม่น้อยมีอาการแพ้ ถึงอย่างไรก็ตาม สารพวกนี้ก็คือสารเคมี เลี่ยงได้ก็เลี่ยงค่ะ ถ้าแค่ช่วยทำให้รู้สึกดีเวลาทา (แต่ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อผิวจริงๆ) ก็เลี่ยงดีกว่า 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.myskinrecipes.com/

Encapsulation ในเครื่องสำอาง

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่สนใจในเรื่องความสวยความงามทุกท่าน**

ผู้เขียน Esther (นามปากกา) อยู่ในแวดวงเครื่องสำอาง และชอบใช้เวลาว่างในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สารสำคัญ (Active ingredient) ที่ช่วยปกป้องสุขภาพผิว ลดปัญหาสิว ฝ้า จุดดำด่าง ลดริ้วรอย ต่างๆ นานา และสารพันเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องสำอางอยู่เป็นกิจวัตร 

ทุกวันนี้ Esther สังเกตว่า ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อ Counter Brand ต่างๆ มีการนำเทคโนโลยี Encapsulation มาใช้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งไทยและต่างประเทศ วันนี้จึงได้ท่องเที่ยวดูข้อมูลในห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Internet) เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ ซึ่งขยายขอบเขตความรู้ของ Esther อย่างมากมาย ไม่อาจนิ่งดูดายที่จะบอกกล่าวให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้ทราบ เข้าใจ และก้าวทันวัตกรรมความงาม เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทรงประสิทธิภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า...ของทุกๆ คน